คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
หากกล่าวถึงคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ สองคำนี้เป็นสองคำที่ได้ยินควบคู่กันอยู่เสมอ กล่าวคือ คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์แบบหนึ่ง ที่ช่วยประมวลผลข้อมูลดิบ(data) ผลลัพธ์รับที่ได้จากการประมวลผลช่วยให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายขึ้นในรูปแบบที่เรียกว่า ข้อมูลสารสนเทศ(Information) โดยผ่านอุปกรณ์ ชุดคำสั่ง ของคอมพิวเตอร์
เทคโนโลยีสารสนเทศ(IT)
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สำหรับประมวลผลสารสนเทศที่คลอบคลุมไปถึง การรับ-ส่งข้อมูล การจัดเก็บข้อมูล การประมวลผล การค้นคว้า การให้บริการ การประยุกต์ข้อมูล สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. คอมพิวเตอร์
2. การสื่อสาร
3. ข้อมูลแบบมัลติมีเดีย
การประมวลผลสารสนเทศ กล่าวคือ
เป็นการกระทำใดๆก็ตามที่ทำให้สารสนเทศเปลี่ยนไป โดยการนำข่าวสารข้อมูลมาเปลี่ยนแปลงไปเป็นข้อมูลชนิดใหม่ที่ยังคงให้ความหมายหรือรูปแบบข้อมูลเดิมเอาไว้
เช่น การเก็บข้อมูลปริมาณน้ำฝนของพื้นที่ภาคกลางแต่ละเดือนในช่วงฤดูฝน แล้วนำข้อมูลที่เก็บได้ใส่หรือเก็บลงในคอมพิวเตอร์ หากมีใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลที่เก็บได้ออกมาเป็นสถิติในรูปของกราฟจะทำให้ผู้ศึกษาเห็นข้อมูลต่างๆได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นการเปรียบเทียบปริมาณฝนในแต่ละปีของแต่ละเดือน
การใช้งานคอมพิวเตอร์ในแต่ละสถานที่ในการทำงานจะมีระบบคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นการลองรับข้อมูลในการทำงานของแต่ละสถานที่ได้อย่างเพียงพอ หากเราแบ่งความสามารถในการเก็บข้อมูล ความเร็วในการประมวลผล จะสามารถจำแนกคอมพิวเตอร์ออกเป็น 4 ชนิด ด้วยกันดังต่อไปนี้
1.ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์(Super Computer) เป็นเครื่องประมวลผลข้อมูลมูลที่สามารถประมวลผลข้อมูลสูงที่สุด เหมาะในการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน ต้องการความเร็วสูง มีข้อมูลมาก โดยเฉพาะในด้านทางวิทยาศาสตร์ เช่น การพยากรณ์อากาศ งานสื่อสารดาวเทียม
2.เมนเฟรมคอมพิวเตอร์(Mainframe Computer) เป็นเครื่องประมวลผลข้อมูลที่มีส่วนความจำและความเร็วน้อยลงมาจากซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ จะนิยมใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ มีความสามารถในการทำงานแบบเครือข่าย(Network)ได้เป็นอย่างดีและเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ที่เรียกว่าเครื่องปลายทางจำนวนมากได้ สามารถทำงานหลายอย่างได้พร้อมกัน และใช้งานได้พร้อมกันหลายคน แต่มีราคาแพง เช่น คอมพิวเตอร์ของธนาคาร
3.มินิคอมพิวเตอร์(Mini Computer) โดยมีลักษณะพิเศษในการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประกอบรอบข้างที่มีความเร็วสูงได้ ในการเก็บรักษาข้อมูลจะใช้แผ่นจานแม่เหล็กความจุสูงชนิดแข็ง(Hard disk) สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะกับธุรกิจขนากย่อมหรือหน่วยงานขนาดเล็ก เพราะจะมีราคาที่ถูกกว่า เช่น โรงพยาบาล โรงแรม ห้างสรรพสินค้า
4.ไมโครคอมพิวเตอร์(Micro Computer)หรือเรียกอีกอย่างว่า คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเครื่องประมวลผลขนาดเล็ก ที่มีหน่วยความจำและความเร็วในการประมวลผลน้อยที่สุด สามารถใช้งานได้คนเดียวและมีราคาถูก จึงเป็นที่นิยมใช้กันมากในยุคปัจจุบัน เช่น โรงเรียน ที่อยู่อาศัย สำนักงาน เป็นต้น สามารถแบ่งไมโครคอมพิวเตอร์ 2 ประเภท คือ
4.1. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ(Desktop Computer)
4.2. แบบเคลื่อนย้ายได้(Portable Computer) สามารถพกพาได้ โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ หรือที่เรียกกันว่า Notebook Computer หรือ Laptop Computer
แหล่งที่มาของรูปภาพ:
http://sertsak.wordpress.com/
http://www.zoneza.com/
http://siredition.blogspot.com
http://jen-piya.blogspot.com/2010/11/blog-post.html
http://school.obec.go.th/pasatwit/Di_li/content/comp/comp_web/lesson3/lesson3_4_2.htm
http://www.zoneza.com/
http://siredition.blogspot.com
http://jen-piya.blogspot.com/2010/11/blog-post.html
http://school.obec.go.th/pasatwit/Di_li/content/comp/comp_web/lesson3/lesson3_4_2.htm
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น